• พบในวัยทำงานมากกว่าในเด็ก 

• มักสัมพันธ์กับการใช้งานมือ เช่น การทำงานบ้าน การทำสวนทำไร่ การทำอาหาร การใช้งานคอมพิวเตอร์นานๆ หรือการเล่นกีฬาที่ใช้มือเป็นหลัก ฯ  

• อาจมีบาง โรคหรือบางภาวะที่เป็นสาเหตุเสริม เช่น โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์  โรคไต สตรีตั้งครรภ์ หรือคลอดบุตรใหม่ เป็นต้น

• อาการ : ปวด ชาที่มือ กำมือลำบาก โดยเฉพาะเวลานอน และตื่นนอนตอนเช้า หากทิ้งไว้นาน อาจมีอาการมืออ่อนแรงร่วมด้วย

  • เส้นประสาทที่ข้อมือ มีเส้นเอ็นล้อมรอบอยู่หลายเส้น และมีพังผืดคลุมอยู่ ทำให้เส้นประสาทอยู่ในเนื้อที่จำกัด เมื่อมีการใช้งานมือมากๆ ทำให้เส้นเอ็นและเยื่อหุ้มเส้นเอ็นบวม ไปเบียดเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทถูกกด และเกิดอาการดังกล่าวในที่สุด

Approach

• การดูแลเบื้องต้น

  • การพักการใช้งาน 

  • การแช่น้ำอุ่น 

  • การใช้ยาลดการปวด

    • ยาต้านการอักเสบ (NSAID)

    • ระวังในโรคกระเพาะ โรคไต โรคความดันสูง โรคหัวใจ ฯ

• หากว่าหลังจากดูแลเบื้องต้นไม่ได้ผลภายใน 1 สัปดาห์

• การตรวจคลื่นไฟฟ้าของเส้นประสาท (Electrodiagnostic study) เพื่อยืนยันการวินิจฉัย

• การรักษา

  • 1 เริ่มต้น 

    • มักเป็นการให้ ยาต้านการอักเสบ ยาลดปวดปลายประสาท และ ยาบำรุงปลายประสาท ซึ่งมักได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีอาการระยะเริ่มต้น 

  • 2 ขั้นตอนต่อไป 

    • ฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบของเส้นเอ็นและลดอาการกดทับของเส้นประสาท 

    • รักษาทางกายภาพบำบัด เช่น การประคบร้อน การใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ การใส่ที่ประคองข้อมือ

    • หากไม่ได้ผล หรือ ผลการตรวจคลื่นไฟฟ้ามีลักษณะการกดเส้นประสาทที่รุนแรง หรือ กล้ามเนื้อฝ่ามือฝ่อ มีความจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด

  • 3 การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด

    • เป็นการตัดพังผืดที่คลุมเส้นเอ็นและเส้นประสาทออก เพื่อขยายเนื้อที่ของเส้นประสาทและเพื่อลดการกดทับของเส้นประสาท

      • ระยะฟื้นตัวหลังผ่าตัด มักใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์

      • อาการปวดที่มีก่อนผ่าตัด จะดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ 

      • อาการชาที่มีก่อนผ่าตัด จะดีขึ้นภายใน 1-2 เดือน

การฉีดยาสเตียรอยด์