เป็นการระบุว่า สมาชิกในครอบครัวรับบทบาทตรงไหนในโครงสร้างของครอบครัว
โครงสร้างของครอบครัวประกอบด้วย
คือ ลำดับอำนาจ ในครอบครัว ซึ่งเรียกสมาชิกที่มีอำนาจในการตัดสินใจสูงสุดว่า “หัวหน้าครอบครัว”
หัวหน้าครอบครัว
มี บทบาทหลักในการขับเคลื่อน ให้ครอบครัวดำเนินชีวิตไปอย่างราบรื่น
กำหนดและควบคุมสมาชิกให้ทำหน้าที่ของตัวเอง
เป็นคนตัดสินใจหลักเมื่อครอบครัวเผชิญกับปัญหา
ลูกคนโตในบ้าน มักทำหน้าที่นี้หาก พ่อ แม่ไม่ได้ทำ
กลุ่มก้อนความสัมพันธ์ย่อยๆ ในครอบครัว
คือ กลุ่มย่อย ที่มีความสัมพันธ์ที่ก๊กๆ กันที่ดี สนิทสนมกัน
ซึ่งมักเกิดในครอบครัวที่เป็นครอบครัวใหญ่ๆ (ครอบครัวขยาย) เหมือนในละครไทย ที่ในบ้านสมาชิกในครอบครัวมักแบ่งเป็นก๊กๆ ก๊กตัวร้าย ก๊กนางเอก ก๊กคนกลาง
อาจไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดโดยตรง
คือ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดโดยตรงที่แน่นแฟ้นเป็นพิเศษ เช่น
“ลูกพ่อ” เป็นลูกที่พ่อมักโปรปรานมากกว่าลูกคนอื่นๆ เมื่อทำผิดก็จะรับการปกป้องจากพ่อ หรือ “ลูกแม่” “ลูกยาย” “หลานปู่” จะเห็นว่า Alliance จะเป็นความสัมพันธ์ในเชิง generation
ซึ่งต่างจาก Boundaries ที่คนในก๊กจะมีความสนิทสนมกันโดย อาจไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดโดยตรง เช่น พี่น้อง อยู่ในก๊กเดียวกัน
เพราะฉะนั้น Alliance เดียวกันก็จะอยู่ใน Boundaries เดียวกัน (เป็น Subset ซ้อนกันไปอีก)
คือ กลุ่มสมาชิกที่รวมตัวกันเป็นอริกับคนอื่นๆ ในบ้าน
มันก็เหมือน Boundaries แต่ก็ไม่ได้ถูกกันคนอื่น หรือ ก๊กอื่นในบ้าน
Coalition จะเป็นการรวมก๊กก๊วนที่เป็นพวกเดียวกัน เพื่อต่อสู้กับคนอื่น
Intergenerational Coalition เช่น ยายสนิทกับหลานมากและ เสี้ยมสอนให้หลานเกลียดแม่ ของตนเอง
คือ การเลือกบทบาทในครอบครัวของสมาชิก โดยบทบาทที่มีอิทธิพลต่อครอบครัว ที่พบบ่อยคือ
คือ คนที่ หารายได้หลัก เลี้ยงสมาชิกในครอบครัว
คือ คนที่ให้การ อภิบาล/ดูแล สมาชิกในครอบครัว เช่น คนรับใช้ , คนที่จ่ายเงินจ้างคนรับใช้ เป็นต้น
คือ คนที่ช่วยตัดสินใจเมื่อครอบครัวเผชิญกับปัญหา มักเป็นคนที่มีอายุมากที่สุด ที่สมาชิกในครอบครัวให้ความเคารพ
คือ คนที่ให้การ ดูแลสมาชิกที่เจ็บป่วย
คือ คนที่คอยรับผิด (ในบางครอบครัว เมื่อเกิดปัญหา ก็จะโยนความผิดให้ใครคนใดคนหนึ่ง กลายเป็นแพะรับบาป และ แพะรับบาปก็จะยอมรับผิดต่างๆ ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในครอบครัว
เมื่อแพะรับบาป รับความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อมากขึ้นก็ยิ่งมีความเครียดเพิ่มขึ้น
การปล่อยให้แพะรับบาปในครอบครัวฟังดูเหมือนจะทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ถูกทำลาย แต่แท้จริงจะกลายเป็นปัญหาระยะยาวของครอบครัว เพราะครอบครัวเองก็จะเกิดการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เพราะมัวแต่โทษว่าเป็นความผิดของแพะรับบาป
คือ ลูกที่ทำหน้าที่แทนผู้ปกครอง (พ่อแม่) เนื่องจากพ่อแม่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ เช่น เจ็บป่วย ติดเหล้า
ทำให้ลูกต้องทำตัวเกินวัย หางเงิน เลี้ยงดูน้องๆ
คือ สมาชิกในครอบครัวมี ความสัมพันธ์ผูกพันแน่นแฟ้น ทุกคนห่วงใยและคอยดูแลซึ่งกันและกัน
ดังนั้นหากมีคนใดๆคนหนึ่งในครอบครัวเจ็บป่วย ย่อมทำให้เกิดความวิตกกังวลของคนในครอบครัว
เมื่อเกิดเหตการณ์ใดๆ : ทุกคนตัดสินใจแทนกันได้หมด
ทุกคนอยากมีส่วนร่วม ทุกคนสามารถช่วยกันหาคำตอบได้
ข้อเสีย
คนหนึ่งเจ็บปวย พากัน วิตกกังวลอย่างมากมายราวกับ เจ็บป่วยด้วยกันทั้งบ้าน (High degree of emotional reactivity)
คือ สมาชิกในครอบครัวมีปฏิสัมพันธ์แบบต่างคนต่างอยู่
ไม่รับรู้หรือไม่สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นซึ่งกันและกัน
เมื่อเกิดเหตการณ์ใดๆ : ทุกคน เกี่ยงกัน ไม่สนใจกัน
คือ สมาชิกในครอบครัวมีปฏิสัมพันธ์แบบอ้อมค้อม ต้องอาศัยคนกลางในการสื่อสาร (ฝากให้ A ไปบอกอีก B ไม่ไปบอก B โดยตรง)
มักเกิดปฏิสัมพันธ์แบบนี้ในครอบครัวที่คนในครอบครัวมีความขัดแย้งกัน (Family conflict) เกิดเป็นสองฝักสองฝ่าย
เมื่อเกิดเหตการณ์ใดๆ : เช่น ต้องการจะต่อว่าคนหนึ่ง แต่ไปบอกผ่านอีกคนหนึ่งก่อน โดยคนกลาง (a third person) ไม่ใช่คนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องรับหน้าที่สื่อสารไปมาระหว่างกลาง
คือ สมาชิกในครอบครัวมีแบบปฏิสัมพันธ์ชัดเจนเป็นทางการ (หนึ่ง ไป สอง ไป สาม …)
เมื่อเกิดเหตการณ์ใดๆ : ทุกคนจะอยากมีส่วนร่วม ให้ความสนใจ แต่ไม่ตัดสินใจเอง จะมี Pattern เดียวกัน คือ ให้คนนี้ .. ตัดสินใจ
ไม่ว่าอะไรตามเกิดขึ้นครอบครัวก็จะมีกระบวนการปฏิสัมพันธ์เพื่อแก้ปัญหาตามแบบแผนที่วางไว้
ทำให้ครอบครัวไม่พร้อมเผชิญกับปัญหาใหม่ๆ (ไม่ยอมโตไปตามสถานการณ์)
แก้ปัญหาต่างๆได้ช้า แต่มันจะเป็นระเบียบ