มีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์ 2%
ข้อดี
คุมกำเนิด
สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน, ซิฟิลิส, เริม, ไวรัสตับอักเสบบี, ไวรัสเอชพีวี (HPV) และไวรัสเอชไอวี (HIV) เป็นต้น
ลดการบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์ุ เพราะมีสารหล่อลื่น
ช่วยเพิ่มอรรถรสทางเพศได้ ทั้งผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ ผิวขรุขระ มีสี มีกลิ่น
ถุงยางอนามัยชายมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่
ชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ (skin condom)
ไม่แนะนำให้ใช้แล้ว เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ยังคงมีขายอยู่บ้างจากคุณสมบัติเรื่องความบาง รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่ถุงยาง เพิ่มสัมผัสในขณะมีเพศสัมพันธ์
ชนิดที่ทำจากยางธรรมชาติ (latex condom)
วางขายทั่วไปตามท้องตลาด
สามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นที่มีส่วนประกอบของน้ำได้ (water-base lubricant) เช่น KY-jelly
ห้ามใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน (oil-base lubricant) เช่น วาสลีน, เบบี้ออยล์ หรือครีมทาผิวต่าง ๆ เนื่องจากจะลดความแข็งแรงของถุงยาง อาจทำให้เกิดการฉีกขาดได้ง่าย
ชนิดที่ทำจากสารสังเคราะห์ (polyurethane condom)
เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้ยางธรรมชาติ (ทั้งชายและหญิง)
สามารถใช้กับสารหล่อลื่นที่มีส่วนประกอบของน้ำมันได้
ข้อเสีย : ราคาแพง หาซื้อได้ยาก และแตกรั่วได้ง่ายกว่า
ถุงยางอนามัยมี 13 ขนาด (44-56 มิลลิเมตร)
ในประเทศไทยจะมีขนาด 49 และ 52 มิลลิเมตร
ห้ามใช้น้ำมันหรือโลชั่นเป็นสารหล่อลื่น
การใช้สารหล่อลื่นอื่นๆ เช่น น้ำมันมะพร้าว โลชั่น เบบี้ออยส์ วาสลีน สบู่เหลว ที่ไม่ใช่เจลหล่อลื่นจะทำให้ถุงยางอนามัยเกิดการฉีกขาดได้ง่ายในขณะมีเพศสัมพันธ์
อวัยวะเพศต้องอยู่ในสภาพ แข็งตัวเต็มที่ก่อน
เลือกใช้ขนาดที่เหมาะสมกับตัวเอง
ฉีกซองอย่างระมัดระวัง ไม่ควรใช้ฟันฉีก หรือใช้กรรไกรตัด เนื่องจากอาจโดนส่วนของถุงยางทำให้ถุงยางรั่วได้
ต้องตรวจดูด้วยสายตา ว่าบรรจุภัณฑ์อยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยแตกรั่ว และ ดูวันหมดอายุด้วย
เวลาใส่ ให้ รอยม้วนของขอบถุงยางอยู่ด้านนอก
กรณี
มีกระเปาะตรงปลาย : ให้บีบที่กระเปาะเพื่อไล่อากาศออกให้หมดในขณะใส่
ไม่มีกระเปาะ : ให้บีบที่ปลายถุงยางประมาณครึ่งนิ้ว เพื่อให้เกิดพื้นที่สำหรับเก็บน้ำอสุจิ
ใช้อีกมือหนึ่งรูดถุงยางอนามัย ให้แนบไปกับอวัยวะเพศ รูดลงมาจนถึง ส่วนโคนอวัยวะเพศ
ถอนพร้อมถุงยางอนามัยออกจากช่องคลอด ในขณะที่อวัยวะเพศยังแข็งตัวอยู่
บีบรัดถุงยางให้แนบกับโคนอวัยวะเพศ เพื่อป้องกันน้ำอสุจิไม่ให้หกหรือไหลย้อนกลับมา
ใช้ กระดาษทิชชูจับตรงขอบถุงยางแล้วค่อย ๆ รูดออก โดยไม่ให้น้ำอสุจิในถุงหกเลอะเทอะ
ตรวจสอบถุงยาง ด้วย ตา ว่า ถุงยางไม่มีการแตกรั่ว
จากนั้น ทิ้งลงในถังขยะที่ปิดมิดชิด
หากจะ ผูกมัดปากถุงยางเพื่อป้องกันน้ำอสุจิไหลออกมาเลอะเทอะในถังขยะ ควรทำด้วยความระมัดระวัง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง เพื่อลดความเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ใช้งานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ห้ามใช้ซ้ำ เนื่องจากถุงยางที่ใช้แล้วจะมีประสิทธิภาพลดลง เกิดการฉีกขาดได้ง่าย
ไม่แนะนำให้ใส่ 2 ชั้น เนื่องจาก
ถุงยางจะเกิดการเสียดสีกันทำให้ฉีกขาดได้ง่ายขึ้น
มีโอกาสที่ถุงยางจะหลุดเข้าไปในช่องคลอดของฝ่ายหญิงได้สูงขึ้น